รีวิว Audi e-tron รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ตอบสนองฉับไว

รีวิว Audi e-tron รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ตอบสนองฉับไว

           รีวิว Audi e-tron หนึ่งในรถยนต์ที่ถูกดีไซน์ออกแบบมาได้ถูกที่ถูกเวลา ด้วยทิศทางกระแสของโลกในปัจจุบัน หลายคนกำลังให้ความสนใจยานพาหนะที่อาศัยพลังงานไฟฟ้าเข้ามาเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน และประเทศไทยก็เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ทางฮาว์ดี้เปิดตัว The New Audi e-tron GT ก่อนหลายๆ ประเทศ ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้
ถือเป็นแนวหน้าของโลกยนตรกรรมในการนำไปสู่ทิศทางความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะ The New Audi e-tron GT เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ นั้นหมายความว่ารถยนต์คันนี้ย่อมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย The New Audi e-tron GT รุ่นที่ 3 นั้น ถูกสร้างจากโรงงาน Bollinger Hofe ในเยอรมัน โดยโรงงานดังกล่าวเป็นโรงงาน Carbon-Neutral ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน

รีวิว The New Audi e-tron GT กับการพัฒนาระบบให้นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้

            ทาง The New Audi e-tron GT พัฒนาระบบ recuperation ให้ก้าวหน้าออกมา 2 รูปแบบ ด้วยการปล่อยให้รถ
วิ่งในลักษณะลอยจัว และถอนเท้าออกจากคันเร่ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเดินทางในระยะทางที่มากขึ้นกว่าเดิมได้ โดยที่ยังสามารถเลือกตั้งระดับนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ผ่านฟังก์ชั่น Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI

The New Audi etron GT ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

            สำหรับ The New Audi e-tron GT ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจพูดถึงนั้น เป็นยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู
ถูกออกแบบมาให้ลุคที่ดูฮอต ตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ผ่านช่องทาง Online World Premier ของ AUDI AG โดยภายในระยะเวลาแค่เดือนเดียวฮาวดี้ ประเทศไทย ก็สามารถสร้างกระแสที่เขย่าวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยให้กลับมาครึกครื้นได้

พบข้อมูลจากเว็บไซด์ iphonemod ระบุว่า นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด กล่าวส่วนหนึ่งว่า

…จากเทรนด์การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกและประเทศไทยมีการพัฒนาขยายเติบโตด้านเทคโนโลยียนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ส่งผลทำให้ยอดจำหน่าย Audi e-tron ทั้ง 2 รุ่น คือ e-tron SUV และ e-tron Sportback ที่ทางฮาว์ดี้ ประเทศไทย ได้นำเข้ามาจำหน่าย ตั้งแต่ปี 2018 ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ในปีนี้ อาวดี้ ประเทศไทย จึงไม่รอช้าที่จะนำ The New Audi e-tron GT ยนต
รกรรมพลังไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุด เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภค…

            รุ่นของ Audi e-tron GT ที่เปิดตัวในไทย

            ฮาว์ดี้ ประเทศไทย เปิดตัว The New Audi etron GT 3 รุ่นใหม่  ดังนี้

  1. Audi e-tron GT quattro ราคา 6,390,000 บาท
รีวิว Audi e-tron

รูปภาพจาก https://www.headlightmag.com/official-photo-audi-e-tron-gt-quattro/


            ภายนอกตัวรถติดตั้งอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ได้แก่

  • Matrix LED with Laser Light ไฟหน้าที่สามารถส่องสว่างได้ไกลกว่า LED ปกติถึง 2 เท่า
    ช่วยให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพไฟสูงที่กว้างไกลได้มากขึ้น อีกทั้งยังลดการกระจายของแสงที่อาจรบกวนเพื่อนร่วมทางที่เป็นรถสวน หรือรถคันหน้าได้อีกด้วย
  • ไฟท้าย LED ที่มาพร้อมเอฟเฟกต์ Light Staging เมื่อกดล็อกและปลดล็อกรถ
  • หลังคาแบบกระจกพาโนรามิกที่ผ่านการผสานเทคโนโลยีการกรอกแสงที่ทันสมัย
    ช่วยให้แสงสว่างเข้าสู่ตัวรถได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ความรู้สึกภายในรถแลดูกว้างและสว่าง
  • ป้องกันความร้อนจากแสงแดดภายนอกรถไม่ให้เข้ามาในห้องโดยได้เป็นอย่างดี
  • ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว
  • ดิสก์เบรกสี่ล้อ ที่มาพร้อมคาลิเปอร์เบรกสีดำ

นอกจากนี้ภายในห้องยังติดตั้งอุปกรณ์ที่มีคุณภาพอีกมากมาย ได้แก่

พวงมาลัยไฟฟ้าชนิด Optimized Progressive แบบมัลติฟังก์ชั่นสปอร์ตท้ายตัด

มาตรวัด Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว

ระบบ MMI Navigation plus ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว

ระบบ Audi smartphone interface ที่มาพร้อมช่อง USB-C จำนวน 2 ช่อง

ระบบเสียง 3 มิติ Bang & Olufsen มีการพัฒนาเทคโนโลยี e-sound เสียงสังเคราะห์
e-tron แบบ Sport ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มสุนทรียภาพขณะขับขี่

ระบบ electric quattro ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ทรงตัว และออกตัว
ในลักษณะที่เร่งแซงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกิดความสนุกในการขับขี่

เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports

ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยก 3 โซน

ไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับได้ถึง 30 สี เป็นต้น

2. Audi e-tron GT quattro Performance ราคา 6,790,000 บาท

รีวิว Audi e-tron

รูปภาพจาก https://www.checkraka.com/car/audi/e-tron/1454807/

            รุ่นนี้ของ Audi etron มีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ดังนี้

On-board charger (AC) รองรับกำลังไฟสูงสุด 22 kW ช่วยย่นระยะเวลาชาร์จลงเหลือเพียง 5 ชั่วโมง 15 นาที

ดิสก์เบรกหน้า – หลังแบบ Tungsten Carbide มาพร้อมคาลิเปอร์เบรกสีส้ม

ล้อขนาด 21 นิ้ว             

3. Audi RS e-tron GT quattro ราคา 9,490,000 บาท

รูปภาพจาก https://www.iamcar.net/car/audi-rs-e-tron-gt-quattro/

            Audi e tron รุ่นนี้เป็นตัวท็อป มีการติดตั้งอุปกรณ์ ดังต่อไปนี้

  • ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black package ที่มาพร้อมการตกแต่งกระจกมองข้างด้วยสีดำ
  • กระจังหน้าตกแต่งด้วยสีดำ Glossy black
  • ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Matte Carbon Twill มาพร้อมวัสดุหนัง Alcantara
  • ที่วางแขนข้างประตูหุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • พื้นที่เก็บของกว้างขวาง ด้านหน้ามีความจุอยู่ที่ 85 ลิตร ด้านหลังอีก 350 ลิตร
  • สายเข็มขัดนิรภัยสีแดง
  • เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports Pro ตกแต่งแบบ Honeycomb
    มาพร้อมระบบฟังก์ชั่นนวดและระบายอากาศ
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง Alcantara มาพร้อมสัญลักษณ์ RS
    โดยเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ All-wheel steering
  • ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Matte Carbon Twill ด้านข้างส่วนของคอนโซลกลางหุ่มด้วยหนัง Alcantara สีดำแต่งด้วยด้ายสีแดง ให้ความรู้สึกสวย เท่ ดุดัน ด้วยเอกลักษณ์ของสายเข็มขัดนิรภัยสีแดงล้วน ส่วนของพรมห้องโดยสารหน้าเป็นสีดำตัดแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • หน้าจอ Head-up Display
  • ล้อ 21 นิ้ว ลายพิเศษ
  • ดิสก์เบรกหน้า-หลังเคลือบทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide)
    ที่มาพร้อมกับคาลิเปอร์เบรกสีแดง

            ความเหมือนและแตกต่างของ  The New Audi etron GT 3 รุ่นใหม่

            รุ่นของ Audi e-tron GT quattro และ Audi e-tron GT quattro Performance มีความเหมือนกันในส่วนของ
ระบบขับเคลื่อนที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ e-motors ที่ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 530 แรงม้า ใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันต่อเมตร ทำอัตราเร่ง 0 -100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. ในเวลา 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 245 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 93.4 kWh จึงสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 540 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

            ส่วนความแตกต่างอยู่ที่รุ่น Audi RS e-tron GT quattro ที่ระบบขับเคลื่อนผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่ง ให้
กำลังรวมสูงสุดถึง 646 แรงม้าใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 830 นิวตันต่อเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลา 3.3 วินาที ใน Boost Mode ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อม
แบตเตอรี่ที่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 504 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง

แทงบอลออนไลน์  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย คาสิโนออนไลน์  เซ็กซี่ บาคาร่า บาคาร่า99 บาคาร่าออนไลน์  เว็บบาคาร่า  สล็อตpg  สล็อตเว็บตรง ไฮโลไทย ufabet168 ufabet เว็บตรง

Credit by : Ufabet